กรณีหลังจากการพยายามติดตามหาตัว ดีเจเตเต้อยู่นานหลายวัน ในที่สุดก็พบกลายศพนอนตะแคงอยู่ภายในป่าลึก ในไร่อ้อยเชิงเขา พบถูกยิงเข้าศีรษะเสียชีวิต พื้นที่บ้านทุ่งนานางหรอก หมู่ 3 ตำบลลาดหญ้า อำเภอเมือง จังหวัดกาญจนบุรี นั้น ค่ำที่ผ่านมา ทนายรณรงค์ แก้วเพชร พร้อมด้วยทีมงาน และนายวิเชียร พ่อของดีเจเตเต้ ได้เดินทางเข้าพบพนักงานสอบสวนสถานีตำรวจภูธรเมืองกาญจนบุรี เพื่อแจ้งความเอาผิดกับแก๊งอุ้มดีเจเตเต้ ในความผิดฐาน ฆ่าผู้อื่นโดยไตร่ตรองไว้ก่อน และปิดบังซ่อนเร้น สาเหตุการตาย
วันนี้ 19 พ.ค. 2568 ที่สำนักงานตำรวจภูธรจังหวัดกาญจนบุรี ผู้สื่อข่าวได้เดินทางไปพบกับ พลตำรวจตรีพรชัย ชะลอเดช ผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดกาญจนบุรี แต่ทางผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดกาญจนบุรี ได้ติดประชุมในคดี ดีเจเตเต้ กับทางเจ้าหน้าที่ชุดติดตามคดี ดีเจเตเต้ โดยได้เข้าร่วมประชุมกันตั่งแต่เวลา 08.30 น. โดยการประชุมไม่ให้สื่อมวลชนเข้าไปภายในห้องเด็ดขาด โดยให้สื่อมวลชนนั่งรออยู่ในห้องพักจนถึงเวลา 13.00 น. จึงเสร็จสิ้นการกระชุม
และโอกาสนี้ทางพลตำรวจตรี พรชัย ชะลอเดช ผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดกาญจนบุรี ได้เปิดเผยกับสื่อมวลชนว่า ในเรื่องคดีของ ดีเจเตเต้ ได้คืบหน้าไปมาก โดยทางพลตำรวจโทนัยวัฒน์ ผะเดิมชิต ผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 7 ได้ลงพื้นที่ติดตามคดีด้วยตนเอง รวมถึงบัญชาการอยู่ในพื้นที่ตลอดจนพบศพของ ดีเจเตเต้ ก่อนนำกำลังเจ้าหน้าที่พิสูจน์หลักฐานตำรวจภูธรจังหวัดกาญจนบุรี ตำรวจชุดสืบสวนเมืองกาญจนบุรี ชุดสืบสวนภูธรลาดหญ้า ซึ่งถูกทิ้งไว้อยู่กลางป่าลึก ในพื้นที่หมู่ 3 บ้านทุ่งนานางหรอก ตำบลลาดหญ้า อำเภอเมือง จังหวัดกาญจนบุรี และในวันนี้เราได้มีการประชุมชุดติดตามตัวผู้กระทำผิดทั้ง 4 ราย เวลานี้กำลังรวบรวมหลักฐาน ร่วมกับทางชุดสืบสวนตำรวจภาค 7 ตำรวจชุดสืบสวนภูธรจังหวัดกาญจนบุรี......มีเสียง พลตำรวจตรี พรชัย ชะลอเดช ผบก.ภ.จว.กาญจนบุรี กล่าวว่า....................
และเจ้าหน้าที่ได้ขออนุญาตศาลออกหมายเพิ่มเติมอีก จำนวน 4 ราย ประกอบด้วย นายณรงค์เดช อ่อนละมูล นายภคณัท แจ่มน้อย นายนพพิจิตร เดือนฉาย และนายธราเทพ ใบบัว ทั้งหมดมีภูมิลำเนาอยู่ในเขตอำเภอเมือง จังหวัดกาญจนบุรี ทั้ง 4 ราย โดนแจ้ง 5 ข้อหา ประกอบด้วย
1.ร่วมกันข่มขืนใจผู้อื่น อั้งยี้หรือซ่องโจร
2.ร่วมกันฆ่าผู้อื่น ซ่อนเร้น ทำลายศพ
3.ร่วมกันกระทำต่อศพ ก่อนการชันสูตรเสร็จสิ้น
4. ร่วมกันลักทรัพย์ในเวลากลางคืน โดยใช้ยานพาหนะในกกรกระทำผิด
5.ร่วมกันมีอาวุธปืน และเครื่องกระสุน โดยไม่ได้รับอนุญาต
สำหรับข้อกล่าวหาของกลุ่มผู้กระทำความผิดฐาน “ร่วมกันข่มขืนใจผู้อื่นให้กระทำการใด ไม่กระทำการใด หรือจำยอมต่อสิ่งใด โดยทำให้กลัวว่าจะเกิดอันตรายต่อชีวิต ร่างกาย เสรีภาพ ชื่อเสียงหรือทรัพย์สินของผู้ถูกข่มขืนใจนั้นเองหรือของผู้อื่น หรือใช้กำลังประทุษร้ายจนผู้ถูกข่มขืนใจต้องกระทำการนั้น ไม่กระทำการนั้นหรือจำยอมต่อสิ่งนั้น โดยร่วมกันกระทำความผิดด้วยกันตั้งแต่ 5 คน ขึ้นไป และเป็นการกระทำโดยอ้างอำนาจอั้งยี้หรือซ่องโจร ไม่ว่าอั้งยี้หรือซ่องโจรนั้นจะมีอยู่หรือไม่ และ ร่วมกันฆ่าผู้อื่นโดยไตรตรองไว้ก่อน,ร่วมกันลอบฝัง เผา ซ่อนเร้น ย้ายหรือทำลายศพ หรือส่วนของศพเพื่อปิดบังการเกิด การตายหรือเหตุแห่งการตาย, ร่วมกันกระทำใดๆแก่ศพหรือสภาพแวดล้อม ในบริเวณที่พบศพก่อนการชันสูตรพลิกศพหรือผลทางคดีเปลี่ยนแปลงไป, ร่วมกันลักทรัพย์ในเวลากลางคืนโดยใช้ยานพาหนะ เพื่อสะดวกแก่การกระทำผิด หรือการพาทรัพย์นั้นไป หรือเพื่อให้พ้นจากการจับกุมและร่วมกันช่วยผู้อื่นมิให้ต้องรับโทษหรือให้รับโทษน้อยลงทำให้เสียหาย ทำลาย ซ่อนเร้น เอาไปเสีย หรือทำให้สูญหาย หรือไร้ประโยชน์ ซึ่งพยานหลักฐานในการกระทำความผิด, ร่วมกันมีอาวุธปืนและเครื่องกระสุนปืนไว้ในครอบครองโดยไม่ได้รับอนุญาต และพาอาวุธปืนไปในเมืองหมู่บ้านหรือทางสาธารณะ โดยไม่มีใบอนุญาตให้มีอาวุธปืนติดตัวโดยไม่มีเหตุจำเป็นเร่งด่วนสมควรแก่พฤติการณ์ และ ซ่องโจร”
ภาพข่าว : ปรีชา ไหลวารินทร์ ทีมข่าวจังหวัดกาญจนบุรี//รายงาน