จากกรณีเพจ "อีซ้อขยี้ข่าว" นำเสนอภาพอุบัติเหตุรถยนต์เก๋งสีขาวประสบอุบัติเหตุ พร้อมข้อความว่า "สัญญากันก่อนนะ...ถ้ารู้แล้วเหยียบใว้ อย่าบอกใคร! " และข้อความประกอบในภาพว่า "เจ้าคณะจังหวัด...(ขีดทับชื่อ) แอบขับรถมากะพระด้วยกันมาหาสีกาคนสนิท รถพลิกคว่ำไม่เป็นอะไร ปิดข่าว" ต่อมามีทีวีบางช่องเอาไปออกอากาศนำเสนอว่า เป็นพระชั้นผู้ใหญ่ของจ.สุโขทัยรีบขับรถเก๋งกับอีกรูปเพื่อไปหาสีกาคนสนิทแต่ประสบอุบัติเหตุแต่ปิดข่าวใว้ รวมถึงมีชาวบ้านร้องเรียนป.ป.ช.เรื่องยักยอกเงินวัดเข้าบัญชีตัวเองแต่โดนดองเรื่องใว้ ,นำพระพุทธรูปออกจากวัดมหาธาตุราชวรวิหาร ศรีสัชนาลัย(วัดพระปรางค์)โดยไม่ปรึกษาชาวบ้านหรือไวยวัจกรของวัดและยังให้สีกาเข้ามาหายามวิกาล
เกี่ยวกับเรื่องดังกล่าว เมื่อเวลา 13.20น. วันที่21ก.ค.68 พระเทพวชิรเวที เจ้าอาวาสวัดพระศรีรัตนมหาธาตุราชวรวิหาร(วัดพระปรางค์) เจ้าคณะจังหวัดสุโขทัย เปิดเผยถึงกรณีดังกล่าว โดยมีนางปณิตา ฝากเซียงซา เจ้าหน้าที่จากสำนักงานพระพุทธศาสนาจ.สุโขทัย,นายปวีณ หลวงใหญ่ ปลัดอำเภอ พร้อมกรรมการวัดและชาวบ้านบางส่วนร่วมรับฟัง โดยเจ้าคณะจ.สุโขทัยกล่าวถึงเรื่องอุบัติเหตุรถยนต์นั้น เกิดขึ้นวันที่ 1ก.ค. 2567 ตนกำลังเดินทางไปร่วมงานนิทรรศการพระเครื่องที่โรงแรมไพลิน โดยมีลูกศิษย์ขับให้ เมื่อมาถึงบ้านท่าเกษม เขต อ.สวรรคโลก เป็นทางโค้ง รถเกิดอาการพวงมาลัยล็อคควบคุมไม่ได้จึงเสียหลักพุ่งชนเสาไฟฟ้า จนรถพัง ส่วนตนได้รับบาดเจ็บฟกช้ำเล็กน้อย เจ้าหน้าที่พาส่งร.พ.ศรีสำโรง ไม่ได้ไปหาสีกาตามที่ถูกกล่าวหาแต่อย่างใด ส่วนเรื่องถูกร้องเรียนป.ป.ช.ว่ายักยอกเงินวัดนั้น เป็นเรื่องเก่าตั้งแต่เป็นเจ้าอาวาสวัดหนองโว้ง ซึ่งมีการก่อสร้างหอประชุม ทางวัดมีเงินอยู่ประมาณ3ล้านกว่า ได้มีการปรึกษารองเจ้าอาวาสและไวยวัจกร ในการนำเงินไปฝากใว้ที่สหกรณ์ศรีสำโรง เนื่องจากได้ดอกเบี้ยพอสมควรจึงถูกร้องเรียน ซึ่งต่อมา ป.ป.ช.ดำเนินการตรวจสอบเอกสารต่างๆแล้วไม่พบการยักยอกแต่อย่างใดพร้อมให้คำแนะนำในการบริหารจัดการ ส่วนเรื่องมีสีกามาหายามวิกาลนั้น ยืนยันว่าไม่มี สอบถามพระลูกวัดดูได้ 6โมงเย็นทำวัตรเสร็จ ก็ล็อคกุฏิแล้วใครจะเข้าได้
เจ้าคณะจ.สุโขทัย ยังกล่าวถึงการย้ายพระพุทธรูปว่า ในพระอุโบสถ มีพระพุทธรูปยืนคือหลวงพ่อธรรมจักร ตั้งอยู่หน้าพระประธาน จึงปรึกษาเจ้าหน้าที่ศิลปากรขอขยับออกด้านข้างเพื่อให้พระประธานโดดเด่นเป็นสง่า ซึ่งได้รับอนุมัติ ต่อมาชาวบ้านขอให้ย้ายกลับที่เดิม ตนไม่อยากให้เกิดปัญหาจึงย้ายกลับ เรื่องก็จบ ส่วนเรื่องอื่นๆเช่นมีการเรียกเก็บเงินจากเจ้าอาวาสวัดต่างๆในการก่อสร้างพุทธมณฑล ที่ทุ่งทะเลหลวงนั้น ที่ประชุมเป็นผู้เสนอและมีมติ โดยมีเจ้าคณะอำเภอ,เจ้าคณะตำบลดูแล โดยเป็นความสมัครใจในการมีส่วนร่วม ตนมิได้เป็นผู้เรียก และเรื่องการย้ายหอระฆังนั้น ทางวัดมีหอระฆังใหม่แล้ว และหอระฆังเก่าทรุดโทรมลงมาก โครงสร้างไม่แข็งแรงแล้ว หากล้มลงมาทับญาติโยมได้รับบาดเจ็บหรือเสียชีวิตอาตมาจะต้องรับผิดชอบ และญาติโยมที่สร้างใว้ก็อนุญาตให้รื้อได้ อย่างไรก็ตามเรื่องกล่าวหาต่างๆที่เกิดขึ้นเป็นเรื่องของคนที่เสียประโยชน์ที่ตนขวางใว้และเรื่องอำนาจการเมืองในวงการสงฆ์ ที่มีผู้อยากขึ้นมาเป็นเจ้าคณะจังหวัด "หลวงพ่อขอความเป็นธรรมด้วย สงสารพระที่ทำงานบ้าง หลวงพ่อทำงานเพื่อวัด เพื่อศาสนา ส่วนเรื่องจะฟ้องร้องผู้ที่ทำให้เสียหายหรือไม่ขอให้อยู่ในดุลพินิจของกรรมการวัด" เจ้าคณะจ.สุโขทัยกล่าวทิ้งท้าย
ด้าน ร.ต.อ.มงคล ทาเครือ อายุ 70ปี ไวยวัจกรอาวุโส กล่าวว่าเห็นข่าวแล้วรู้สึกไม่พอใจที่มีการนำเสนอโดยไม่ตรวจสอบข้อเท็จจริง ซึ่งตนไม่เชื่อข่าวที่เกิดขึ้น เนื่องจากทำงานร่วมกับหลวงพ่อมา10ปีแล้ว ทราบดีว่าหลวงพ่อเป็นพระดี เป็นพระนักพัฒนา.
ภาพข่าว : ธนกฤต ท้าวบุญยืน ทีมข่าวจังหวัดสุโขทัย//รายงาน